วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แนะนำ Projector : Screen Projector เครื่องมัลติมีเดียโปรเจคเตอร์และจอรับภาพในงานครุภัณฑ์ ควรเลือกอย่างไร

 
 
 
 
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่าโปรเจคเตอร์ คือ เครื่องฉายสัญญานภาพวีดิโอลงบนฉาก โดยเกิดจากการสร้างแสงสีและผ่านเลนส์ต่างๆมาเป็นภาพบนฉาก ซึ่งเป็นที่นิยมใช้อย่างกว้างขวางทั้งในการนำเสนอทางธุรกิจ การประชุม ห้องเรียน อบรมสัมมนา หรือใช้เพื่อความบันเทิง เช่น การชมภาพยนตร์
 
     ในส่วนของราคาของโปรเจคเตอร์จะขึ้นกับความละเอียด และ ความสว่างของภาพ ความละเอียดของภาพที่ได้จากโปรเจคเตอร์โดยทั่วไปมี 3 แบบ คือ SVGA (800x600), XGA (1024x768), และ 720p (1280x720) ความละเอียดจะเหมือนหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่อาจจะไม่เท่ากับความละเอียดของภาพยนตร์ยุคใหม่ๆ  สำหรับเรื่องของความสว่างหากฉายภาพในห้องที่แสงสว่างตามธรรมชาติน้อย โปรเจคเตอร์ความสว่าง 1000-1500 lumen ก็เพียงพอต่อความต้องการ หากแสงสว่างตามธรรมชาติมากขึ้นก็อาจใช้ความสว่าง 1500-3000 lumen แต่หากใช้ในการฉายภาพในห้องที่ขนาดใหญ่และฉายไปบนฉากขนาดใหญ่คงต้องเลือก โปรเจคเตอร์ที่มีความสว่าง 3000 lumen ขึ้นไป

     สำหรับการแบ่งโปรเจคเตอร์เป็นประเภทต่างๆ แบ่งได้ตามเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตภาพดังนี้ 1.หลอดภาพโปรเจคเตอร์ CRT เป็นหลอดแคโทดสามสี แดง น้ำเงิน เขียว ดูแลน้อย อายุใช้งานนาน แต่ราคาแพงมาก เหมาะกับการติดตั้งจุดที่ไม่ต้องเคลื่อนย้ายเลย 2.LCD โปรเจคเตอร์ ราคาถูก ข้อเสียอย่างเดียวของ LCD คือ เห็นภาพเป็นจุดๆชัดเจน 3.DLP โปรเจคเตอร์ ให้ภาพเนียนแต่สีไม่สดเท่า LCD และจะเห็นภาพเป็นแถบๆถ้ามองแบบกวาดตา แต่ปัญหานี้จะไม่พบหากเป็นรุ่นที่ใช้ 3DMD ราคาสูงกว่า LCD เล็กน้อย   

     ที่กล่าวมาเป็นเพียงรายละเอียดคราวๆ ต่อไปคุณต้องระบุสเปคโปรเจคเตอร์ที่คุณต้องการ โดยลองตอบคำถามหลักๆ ต่อไปนี้ครับ
     1. อัตราส่วนภาพ(aspect ratio) ที่คุณต้องการเป็นเท่าไหร่?
     2. คุณต้องการความละเอียด(resolution) ของภาพมากแค่ไหน?
     3. คุณต้องการความสว่าง(brightness) ของภาพมากแค่ไหน?
     4. คุณต้องการ contrast ภาพมากน้อยแค่ไหน?
     5. มีงบประมาณเท่าไหร่ในการซื้อโปรเจคเตอร์?
     6. มีข้อจำกัดของขนาดห้องที่ติดตั้งเครื่องโปรเจคเตอร์หรือไม่?
 
ขนาดของจอฉาย
โดยทั่วไปแล้วจอฉายจะมีอยู่ 3 แบบครับ คือ
 
1.Square Format (1:1) หมายถึง ความสูงและความกว้างของเนื้อจอมีขนาดเท่ากัน เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เราจะเรียกจอแบบนี้ว่า จอขนาด 70”x70 “ หรือ 50”x50” ครับ
2. Video Format (4:3/1.33)   หมายถึง อัตราส่วนระหว่างความสูงและความกว้างของจอเป็น 4: 3 เหมือนจอโทรทัศน์ครับ รูปจอจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้านิดๆ จอแบบนี้จะมีหน่วยวัดที่เป็นเส้นทแยงมุม เช่น
- จอแบบ 100” (4:3) หมายถึง  เนื้อจอจะมีความกว้าง 2   เมตร สูง 1.5 เมตร มีความยาวของเส้นทแยงมุม 100”
- จอแบบ 150 “ (4:3) หมายถึง เนื้อจอจะมีความกว้าง 3.05 เมตร สูง 2.44 เมตร มีความยาวของเส้นทแยงมุม 150”
3. HDTV format (16:9/1.78) หมายถึง อัตราส่วนระหว่างความสูงและความกว้างของจอเป็น 16: 9 ภาพจะเป็น Wide screen เหมือนจอภาพยนตร์ หรือภาพที่เราเห็นจากเครื่องเล่นDVD   รูปจอจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวกว่าแบบ 4:3  จอแบบนี้จะมีหน่วยวัดที่เป็นเส้นทแยงมุม เช่น 92”  106 “ เหมือนแบบ 4:3 แต่ว่าขนาดกว้างxยาว จะต่างกันครับ
- จอแบบ  92” (16:9) หมายถึง เนื้อจอจะมีความกว้าง 2.03   เมตร สูง 1.14 เมตร เมตร มีความยาวของเส้นทแยงมุม 92”
- จอแบบ 106 “ (16:9) หมายถึง เนื้อจอจะมีความกว้าง 2.34เมตร สูง 1.32 เมตรเมตร มีความยาวของเส้นทแยงมุม 106” 

               แต่ขนาดดังกล่าวเป็นขนาดของเนื้อจอนะครับ  เวลาซื้อมาติดตั้งจะมีความยาวของกระบอกจอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  เช่น จอแบบแขวนมือดึง 100 “ จะมีความยาวกระบอกจอประมาณ  2.15-2.30 เมตร แต่ถ้าเป็นแบบมอเตอร์ไฟฟ้ากระบอกจอจะมีความยาวประมาณ 2.30-55 เมตร ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ  แต่ โดยทั่วไปแล้วจอมอเตอร์จะมีกระบอกจอที่ยาวกว่าแบบแขวนมือดึงครับ เนื่องจากมีส่วนที่เป็นมอเตอร์ควบคุมซ่อนอยู่ ส่วนจอตรึงจะมีขอบจอไม่กว้างมากนัก อาจจะเพิ่มจากความกว้างของเนื้อจอประมาณ 10-15 ซม.  
 
ชนิดของจอ
1.   จอฉายแบบแขวนมือดึง  เหมาะสำหรับติดประจำห้องโดยยึดจอไว้กับฝ้าหรือกำแพง เวลาใช้ก็แค่ดึงจอลงมาเกี่ยวไว้ด้านล่าง และดึงกลับมาเลือกใช้ 
2.   จอฉายแบบมอเตอร์ไฟฟ้า หน้าตาคล้ายๆกับแบบแรก แต่จะสะดวกตรงที่ไม่ต้องออกแรงดึงเองแต่จะมี รีโมทคอนโทรลคอยควบคุมการขึ้น-ลงของจอ ซึ่งจะเป็นรีโมททั้งแบบมีสายและไร้สาย เหมาะสำหรับจอขนาดใหญ่ หรืออยู่ในตำแหน่งที่ดึงจอไม่สะดวกครับ
3.   จอฉายแบบขาตั้ง เหมาะสำหรับงานที่ต้องเคลื่อนย้าย งานนอกสถานที่ ที่ไม่มีตำแหน่งยึดจอ หรือต้องการใช้งานชั่วคราว น้ำหนักจะมากกว่าแบบมือดึงเพราะมีขาตั้งมาด้วยครับ  ส่วนขาตั้งจะมีทั้งที่เป็นแบบ 3 ขา (Tripod Projection Screen) หรือแบบ 2 ขา ตั้งขึ้นมาจากด้านข้าง
4.   จอฉายแบบตรึง   เป็นจอที่ขึงมาในกรอบ บางยี่ห้ออาจมีกรอบอลูมิเนียมบุกำมะหยี่สีดำ บางยี่ห้อเป็นสีน้ำเงิน เนื้อจอมักเป็นแบบ HD ซึ่ง ใช้สำหรับการชมภาพยนตร์ ติดตั้งภายในห้องครับ นอกจากนี้แล้วจอตรึงอีกแบบที่นิยมใช้ในบ้านเราตามร้านอาหารต่างๆ จะเป็นจอที่เจาะตาไก่แล้วร้อยกับโครงจอครับ  จอแบบนี้มักใช้จอที่เป็นจอหนังมาทำ มีขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 150-300 “ ราคาไม่สูงมาก เหมาะกับงานกลางแจ้งต่างๆ ซึ่งปัจจุบันก็หาซื้อและสั่งทำได้ง่ายขึ้นครับ
5.   จอแบบตั้งโต๊ะ  เป็นจอขนาดเล็ก ส่วนมากจะมีขนาดประมาณ 40”-50” เพื่อความสะดวกในการพกพา เวลาใช้ก็ดึงกระบอกจอออกมาแล้ววางบนโต๊ะนำเสนอเพื่อใช้งานได้ทันที
6.   จอแบบตั้งพื้น สวยกว่า โดยจอประเภทนี่จะมีฐานจอขนาดใหญ่ ใช้ดึงจอจากด้านล่างขึ้นมาแล้วยึดกับโครงยึดจอด้านหลัง   เป็นจอที่เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้าย งานนอกสถานที่  ราคาจะสูงกว่าแบบขาตั้งธรรมดาแต่ดู
 
 
 เนื้อจอฉาย
1.   Matte White มีค่า Gain 1.0 เป็น จอที่ได้รับความนิยมในตลาดสูงมาก เนื่องจากราคาที่ไม่สูงจนเกินไป เหมาะกับงานนำเสนอตัวหนังสือจากคอมพิวเตอร์ เครื่องฉายสไลด์ หรือ Overhead สามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำสบู่ กันเชื้อราได้ และไม่ติดไฟง่าย   
2.   Glass Beaded มีค่า Gain 2.5  ราคาจะสูงกว่าแบบ Matt White สามารถ สะท้อนแสงได้ดีกว่า เหมาะสำหรับสถานที่ที่มีแสงรบกวนสูง และมีตำแหน่งของผู้ชมไม่กว้างมากนักเพราะจอมีมุมมองภาพที่แคบ แนะนำในการใช้งานกับการนำเสนอรูปภาพต่างๆ ไม่เหมาะกับการฉายภาพที่เป็นข้อมูลตัวหนังสือคอมพิวเตอร์ เช่น excel ,word หรือภาพจาก Overhead  นอกจากนี้เนื้อจอยังกันเชื้อราได้ และไม่ติดไฟง่าย   แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้เนื้อจอยับนะครับเพราะจะทำให้คุณภาพของภาพลดลงมาก ทีเดียวครับ
3.   Rear  Gain 5.0 เนื้อจอภาพแบบฉายหลัง จอแบบนี้จะใช้ในกรณีที่เราติดตั้งเครื่องฉายไว้ด้านหลังจอครับ  จอที่มีคุณภาพดีจะมีการกระจายแสงที่ดี ให้ภาพที่คมชัด  ราคาจะสูงกว่า 2 แบบแรกมากครับ
4.   High Definition Gain 3.0 จอแบบนี้นิยมใช้กับห้องโฮมเธียเตอร์ในบ้าน ภาพที่ได้จะให้คุณภาพสูงมากอย่างเห็นได้ชัด เมื่อฉายเทียบกับจอแบบ Matt white และ Glass beaded  ทีสำคัญราคาสูงพอๆกับคุณภาพ
 
เมื่อเข้าเรื่องจอโปรเจคเตอร์ และ ประเภทโปรเจคเตอร์ที่จะนำมาใช้งานแล้ว สิ่งหนึงที่สำคัญไม่แพ้กันคือการติดตั้ง โปรเจคเตอร์ และจอภาพโปรเจคเตอร์ เพราะห้องแต่ละห้องมีความแตกต่างกัน ฝ้าของอาคารก็ดูแตกต่างกันความยากง่ายในการติดตั้งก็แตกต่างกันด้วยดังนั้น เพื่อความสวยงามของอาคารควรมีช่างผู้ชำนาญแนะนำในการติดตั้ง เพื่อความคมชัดของภาพ ควรมีผ้าม่านเพื่อให้ห้องทึบแสงบ้างจะได้เห็นภาพที่ชัดขึ้น
 
ข้อสังเกตุ  เมื่อ ใช้โปรเจคเตอร์ไประยะหนึ่ง เมื่อใช้โปรเจคเตอร์ ไปนานๆจะทำให้ ภาพโปรเจคเตอร์มีสีที่จืดดูไม่สวยงาม เพราะหลอดโปรเจคเตอร์มีอายุเช่นกันแต่สามารถเปลี่ยนหลอดไหม่ได้ครับราคาหลอด ก็แตกต่างกันไปตามยีห้อและอัตราความสว่าง
แหล่งที่มาของข้อมูล
 
http://www.projectorok.com
 
http://www.projector7.com/
 
 
 


วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แนะนำ กระดานอิเลคทรอนิคส์ Razr i-board รุ่น i-78 Q ราคาเบาใช้งานดี


รายละเอียด:
....ใช้งานได้พร้อมกัน 4 คน  พร้อม 25  ปุ่มคำสั่งลัด เพื่อความสะดวกในการใช้งาน มากขึ้น   
     ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ทำให้ Razr i-board เป็นมากกว่ากระดาน อิเลคทรอนิคส์ - อาจจะเรียกได้ว่าป็น Interactive Presentation Board หรือ intelligent Board กระดาน อัจฉริยะ ทำหน้าที่ช่วยในการ Presentation เช่น เป็นกระดานดำ, เขียนอธิบายเพิ่มเติมลงใน Presentation File และ ทำหน้าที่แทนเม้าส์ เสมือนทำงานบน Touch Screen ได้อย่างดี สามารถใช้งานในลักษณะสัมผัสด้วยมือ และสามารถใช้ปากกาที่ให้มากับจอรับภาพในการเขียน โดยใช้เทคโนโลยี Infrared Sensor ในการรับสัญญาณ สามารถบันทึกเป็นไฟล์ภาพ หรือวีดีโอ สั่งพิมพ์ออกเครื่องพิมพ์ หรือส่งอีเมล์ โดยการเชื่อมต่อผ่านสาย USB กับคอมพิวเตอร์ รับภาพจากโปรเจคเตอร์ เท่านั้น

รายละเอียดสินค้า
1. จอรับภาพสำหรับโปรเจคเตอร์ที่มีขนาดวัดตามเส้นทแยงมุม 75 นิ้ว สามารถใช้งานลักษณะสัมผัสด้วยมือและสามารถใช้ปากกาที่ให้มากับจอรับภาพในการ เขียน โดยใช้เทคโนโลยีInfrared Sensor ใน   การรับสัญญาณ มีความเร็วในการตอบสนองสัญญาณไม่น้อยกว่า 120 จุดต่อวินาที
2. สามารถติดตั้งได้ทั้งแบบแขวนผนังและวางบนขาตั้งพร้อม    ล้อเลื่อน   (อุปกรณ์มาตราฐาน) กรอบและกระดานทำจากอลูมิเนียม
3. เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์แบบใช้สายผ่านช่องต่อสัญญาณแบบ USBโดยไม่อาศัยไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายอื่นๆ
4. สามารถเลื่อนหน้าจอในแต่ละหน้าการน าเสนอเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งานได้ไม่จำกัด
5. สามารถเลือกภาษา อังกฤษ และ ไทย ส าหรับเมนูการใช้งานได้
6. มีถาดวางปากกาและยางลบติดตั้งอยู่ที่ด้านล่างของกระดาน โดยมีฟังก์ชั่นเปลี่ยนสีปากกาและยางลบเมื่อหยิบใช้งาน โดย    ใช้เทคโนโลยี Infrared Sensor เป็นตัวควบคุม
7. มีปากกาชนิดพิเศษไม่ต้องใช้แบตเตอร์รี่ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับจอรับภาพ 3 ด้าม โดยแต่ละด้ามจะใช้แทนสีที่ต่างกัน, ยางลบ 1 ด้าม    และปากกายืดได้ 1 ด้าม เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
8. ใช้ได้กับคอมพิวเตอร์ ไม่น้อยกว่าระบบปฏิบัติการวินโดส์ (Windows) เวอร์ชั่น XP, VISTA และ SEVEN
9. สามารถบันทึกเส้นที่เขียนลงใโปรแกรม Microsoft Word, Microsoft Excel และMicrosoft Power point ได้
10. มีฟังก์ชั่นการบันทึกผลงานเป็นไฟล์นามสกุล ต่าง ๆ ได้แก่.JPG, .JPEG, .TIFF, .TIF, .PNG, .GIF, .BMP,.HTM, .PDF, .PPT, .HHT,     .AVI และ .DPB เพื่อน าไปใช้งานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ
11. มีหน้าต่างแสดงภาพขนาดย่อของแผ่นงานหน้าต่างๆและมีฟังก์ชั่น Bird’s-Eye เพื่อแสดงพื้นที่ที่ใช้งานทั้งหมดในหน้าจอเดียวกัน
12. มีฟังก์ชั่นปากกาอัจฉริยะที่สามารถช่วยอ านวยความสะดวกในการวาดรูปทรง วงกลม, สามเหลี่ยม, สี่เหลี่ยม, วงรี, เส้นตรง, เส้น   ลูกศรตรง, เส้นโค้ง, และเส้นลูกศรโค้ง ได้อย่างรวดเร็ว
13. มีฟังก์ชั่นช่วยในการวาดเส้นกราฟทางคณิตศาสตร์ต่างๆ เช่น Sine, Cosine, Tangent, Square,
14. มีฟังก์ชั่น Spotlight ที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงได้ 5 แบบ, เปลี่ยนสีของส่วนที่บัง และปรับความโปร่งของส่วนที่บังได้
15. มีฟังก์ชั่น Wrap Screen ที่สามารถเปลี่ยนสีให้ส่วนที่บังหรือใช้รูปเป็นหน้าที่บัง และสามารถล็อคการเลื่อนเฉพาะแนวตั้งหรือ
      แนวนอนได้ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
16. สามารถเพิ่มลิงค์ไปยังโปรแกรมต่างๆ เพื่อเรียกโปรแกรมนั้นๆมาใช้งานได้ทันที
17. สามารถเลือกเขียนข้อความที่ต้องการทับรูปภาพ, วีดิโอไฟล์และและ Website ได้
18. สามารถสั่งพิมพ์โดยผ่านเครื่องพิมพ์ จากโปรแกรมบอร์ดได้
19. สามารถบันทึกการนาเสนอเป็นภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียง ในรูปแบบไฟล์ .AVI และ .DPB เพื่อความสะดวกในการน า
     กลับมาแสดงอีกครั้ง
20. สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวในโปรแกรมได้ โดยรองรับไฟล์ชนิด .AVI, .MPG, .MOV, .RM,.RMVB และ .SWF
21. ท าหน้าที่ช่วยในการ Presentation เช่น เป็นกระดานด า, เขียนอธิบายเพิ่มเติมลงใน Presentation File และท าหน้าที่แทนเม้าส์     เสมือนท างานบน Touch Screen ได้อย่างดี
22. สามารถเพิ่มลด เมนูในทูลบาร์ได้ และบันทึกแยกส าหรับผู้ใช้งานแต่ละคนได้
23 มีปุ่มฟังก์ชั่นพื้นฐานอยู่บนจอรับภาพสาหรับควบคุมสั่งงานโปรแกรม ที่ใช้ร่วมกับจอ เพื่อสะดวกในการใช้งานโดยมีคาสั่ง   อยู่บนด้านซ้าย และขวาไม่น้อยกว่าด้านละ 25 ค าสั่ง โดยสามารถตั้งค่าปุ่มค าสั่งได้เองไม่น้อยกว่า 3 ปุ่ม
24 สามารถเขียนได้พร้อมกันสองคน
25 รับประกันตัวเครืองตั้ง 2 ปี

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เครื่องโปรเจคเตอร์ PROJECTOR แนะโปรเจคเตอร์ชนิด LCD และ DLP แบบไหนดีกว่ากัน


ประเภทของเครื่องโปรเจคเตอร์
แบ่งได้  2 แบบ คือ

Liquid Crystal Display  :  LCD Digital light Processing  :  DLP

1.โปรเจคเตอร์  LCD
Hitachi
LG


2.โปรเจคเตอร์  DLP
acer
Benq





ระหว่าง DLP กับ LCD อันไหนดีกว่ากัน
ผู้คนส่วนใหญ่มักจะถามกันอยู่เสมอว่า ระหว่างระบบ DLP กับ LCD ระบบใดดีกว่ากัน ? ทั้งสองระบบนี้ต่างก็มีข้อดีที่สามารถข่มอีกฝ่ายหนึ่งและก็มีข้อด้อยที่ถูกโจมตีจากอีกฝ่ายด้วย เรื่องจริงก็คือไม่มีระบบใดที่สมบูรณ์โดยไม่มีที่ติ ดังนั้นจึงต้องศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียของทั้งสองระบบแล้วจึงตัดสินใจว่าระบบใดดีที่สุด ซึ่งคำตอบของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับว่าบุคคลคนนั้นจะสามารถยอมรับข้อดีและข้อเสียของระบบใดได้มากกว่ากัน
เทคโนโลยีที่แตกต่าง

LCD (Liquid Crystal Display) โปรเจคเตอร์ระบบนี้ถูกบรรจุด้วยแผ่นกระจก lcd สามแผ่นซึ่งแต่ละแผ่นจะมีสี แดง เขียว น้ำเงิน ในขณะที่แสงผ่านแผ่น lcd แต่ละ pixel ของแผ่น lcd จะทำหน้าที่ในการอนุญาตให้แสงผ่านหรือปิดกั้นไม่ให้แสงผ่าน pixel เล็กๆ เหล่านี้ก็เป็นเหมือนมู่ลี่นั่นเอง การทำงานลักษณะนี้ทำให้เกิดเป็นภาพขึ้นมา


DLP (Digital Light Processing) เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Texas Instruments ซึ่งมีการทำงานที่แตกต่างไปจาก lcd แทนที่จะใช้แผ่นกระจก lcd ระบบ dlp ใช้ chip ที่ทำจากกระจกเล็กๆ จำนวนมากในการสะท้อนแสง กระจกแต่ละแผ่นเปรียบเสมือน pixel หนึ่ง pixel แสงจากหลอดภาพของโปรเจคเตอร์จะถูกส่งไปที่ผิวหน้าของ chip dlp กระจกเล็กๆ จะเปลี่ยนทิศทางไปมาเพื่อส่องแสงไปที่เลนส์และส่งแสงที่ไม่ต้องการไปที่ตัวดูดซับแสง ใน dlp โปรเจคเตอร์ระดับสูงได้มีการใช้ chip dlp ถึงสาม chip สำหรับสี แดง เขียว น้ำเงิน อย่างไรก็ดีโปรเจคเตอร์ที่มีราคาไม่สูงส่วนใหญ่มีเพียง chip เดียว ในการกำหนดสีจะใช้วงล้อที่ประกอบขึ้นจากสีแดง เขียว น้ำเงิน และบางทีอาจใช้สีขาว สีเขียวแก่และสีเหลืองด้วย วงล้อสีนี้จะหมุนอยู่ระหว่างหลอดภาพกับ dlp chip เพื่อสร้างเป็นสีต่างๆ ส่งไปที่ chip กระจกเล็กๆ บน chip จะคอยสะท้อนแสงสีต่างไปที่เลนส์ทำไห้เกิดเป็นภาพขึ้นมา


เปรียบเทียบการทำงาน

ทั้งสองเทคโนโลยีได้ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมา ความแตกต่างของระบบทั้งสองลดน้อยลงมาก แต่สิ่งที่ยังพูดถึงกันบ่อยๆ ก็คือ
ข้อแรก LCD นั้นให้ภาพที่สวยงามมีสีสันที่เป็นธรรมชาติมากกว่า DLP ที่เป็นเช่นนี้เนื่องมาจาก dlp chip เดียวถูกสร้างมาสำหรับตลาด Presentation สีขาวถูกเพิ่มเข้าไปในวงล้อสีทำให้ภาพสว่างขึ้นก็จริง แต่ก็ทำให้สีผิดเพี้ยนไปด้วย ภาพที่ได้จาก DLP จึงไม่ค่อยอิ่มและสั่นซึ่งจะไม่ค่อยมีผลในการแสดงข้อมูล แต่เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นพิเศษถ้าจะใช้โปรเจคเตอร์สำหรับสัญญาณภาพที่มีลายละเอียดมากและเพื่อชดเชยข้อบกพร่องในเรื่องสีที่ไม่เป็นธรรมชาติและเพื่อปรับปรุงการแสดงสีให้ถูกต้องโปรเจคเตอร์ที่ถูกผลิตมาสำหรับ home theater และระบบวีดีโอคุณภาพสูงจะใช้วงล้อสีที่มีหกสี (six-segment) ซึ่งประกอบด้วยสีแดง เขียว น้ำเงิน สองชุดโดยได้ตัดสีขาวออกไป บางวงล้ออาจมีถึงเจ็ดหรือแปดสี ด้วยวงล้อสีนี้ช่วยเพิ่มความถูกต้องให้กับการแสดงสี
ข้อสอง ความแตกต่างอีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ความคมชัดในการแสดงข้อมูล LCD สามารถให้ภาพได้คมชัดกว่า DLP ในทุกๆ resolution สังเกตได้จากการฉายภาพที่มีลายละเอียดของข้อมูลที่เป็นลายเส้น อย่างไรก็ดีไม่มีความแตกต่างที่มองเห็นได้ชัดในการแสดงภาพวีดีโอ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่า DLP จะแสดงภาพที่เป็นข้อมูลและลายเส้นไม่ได้เรื่อง DLP สามารถแสดงผลออกมาได้ชัดดีทีเดียวเพียงแต่เมื่อนำ DLP และ LCD ที่มี resolution เท่ากันมาวางฉายคู่กัน จากการเปรียบเทียบแล้วดูเหมือนว่า LCD จะให้ความคมชัดมากกว่า
ข้อสาม LCD นั้นมีประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างที่ดี LCD สามารถผลิตแสงที่มีค่า ANSI lumens ได้มากกว่า DLP ด้วยหลอดภาพที่กำลังไฟฟ้า (watt lamp) เท่าๆ กัน มีโปรเจคเตอร์จำนวนมากที่ถูกผลิตออกมาด้วยค่า 3000 – 6000 lumens ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโปรเจคเตอร์ในระบบ LCD ดังนั้น LCD จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเมื่อต้องการความสว่างมากๆ
LCD Projector มีข้อด้อยอยู่สามข้อซึ่งจะเกี่ยวกับการแสดงภาพมากกว่าในเรื่องการแสดงข้อมูล
ข้อแรกก็คือสามารถมองเห็นความไม่ต่อเนื่องของ pixel ได้ง่ายบนจอภาพ ข้อสองภาพที่ปรากฏบนจอภาพจะมีลักษณะเป็นตารางซึ่งเป็นผลมาจากมีช่องว่างระหว่าง pixel มาก ข้อที่สามมีค่า contrast ต่ำ ที่ผ่านมา LCD โปรเจคเตอร์ไม่เป็นที่พอใจนักในหมู่ผู้ที่ชอบชมภาพยนตร์เนื่องมาจากเหตุผลเหล่านี้ อย่างไรก็ตามใน LCD โปรเจคเตอร์รุ่นใหม่ๆ จะพบว่าปัญหาเหล่านี้ได้ถูกลดน้อยลง ช่องว่างระหว่าง pixel ถูกทำให้ลดลงและเพิ่มจำนวน pixel ให้มากขึ้น เมื่อฉายภาพด้วยระยะที่เหมาะสมข้อเสียต่างๆ เหล่านี้จะไม่ปรากฏให้เห็นเลย
DLP เทคโนโลยีนั้นสร้าง pixel ด้วยกระจกเงาเล็กๆ จึงให้ภาพที่นุ่มนวลและมี pixel ที่ชิดกันมากกว่า LCD ดังนั้นไม่ว่าจะด้วย resolution ใด DLP จะเหนือกว่า LCD ในเรื่องการแสดง pixel
ว่าด้วยเรื่อง contrast ระบบ LCD นั้นยังล้าหลังและเป็นรอง DLP ในเรื่องนี้แต่ทั้งสองเทคโนโลยีก็ยังมีการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อก่อน LCD โปรเจคเตอร์นั้นมีค่า contrast ที่ 400:1 ซึ่งต่ำกว่า DLP อยู่เกือบเท่าตัว ปัจจุบันนี้ทั้งสองเทคโนโลยีได้เพิ่มค่า contrast จนสูงขึ้นมาก DLP โปรเจคเตอร์ส่วนมากมีค่า contrast อย่างต่ำอยู่ที่ 2000 :1 และสำหรับรุ่นพิเศษสำหรับ home theater มีค่า contrast ถึง 5000:1 ส่วนทาง LCD ก็ได้เพิ่มค่า contrast ให้มากขึ้นเช่นเดียวกัน LCD โปรเจคเตอร์มีค่า contrast ที่ 1000:1 ขึ้นไป บางรุ่นมีค่า contrast สูงถึง 6000:1 ทีเดียว
เรื่องของน้ำหนัก ซึ่งก็จะเกี่ยวข้องกับความสะดวกในการเคลื่อนย้ายนั่นเอง เนื่องจาก DLP ใช้ระบบการทำงานด้วย chip ที่มีขนาดเล็กไม่เหมือนกับ LCD ที่ต้องใช้แผ่นกระจก lcd ถึงสามแผ่น DLP โปรเจคเตอร์จึงมีน้ำหนักที่เบากว่า แต่ก็ไม่แน่เสมอไปทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีในการผลิตของแต่ละผู้ผลิตโปรเจคเตอร์ด้วยเช่นกัน

DLP กับปัญหา Rainbow effect
เมื่อมีการพูดถึงข้อด้อยของ DLP ที่เกิดมาจากการใช้วงล้อสีในการสร้างภาพเป็นไปได้ว่าการทำงานลักษณะนี้ทำให้เกิด “ rainbow effect ” เนื่องจากขณะที่วงล้อสีถูกทำให้หมุนเพื่อทำให้เกิดภาพอย่างต่อเนื่องอย่างรวดเร็วนั้น ตาของเรามีความไวพอที่จะจับความเปลี่ยนแปลงได้ทัน ทำให้เราเห็นแสงลักษณะเหมือนสีรุ้งสะท้อนออกมาจากภาพ แต่ก็มีบางคนเท่านั้นที่จะเห็นความผิดปรกตินี้ได้ ส่วน LCD โปรเจคเตอร์นั้นมีวิธีการสร้างภาพด้วยสีที่แน่นอนโดยการสร้างสีจากสีแดง เขียว น้ำเงิน ไปออกเป็นภาพในช่วงเวลาเดียวกับผู้ที่ชมภาพจาก LCD โปรเจคเตอร์จึงไม่เห็นความผิดปรกตินี้เลย

Texas Instruments ได้ทำการวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า แต่เดิมในยุคแรกของการผลิตนั้น DLP โปรเจคเตอร์ถูกผลิตขึ้นโดยมีการใช้วงล้อสีซึ่งหมุนด้วยความเร็ว 60 รอบต่อวินาที (60 Hz) ซึ่งจะเท่ากับ 3600 รอบต่อนาทีโดยเรียกว่า 1x ในระหว่างได้มีการออกวางจำหน่าย DLP โปรเจคเตอร์ในช่วงแรกนี้ก็ได้มีผู้พบเห็นความผิดปรกตินี้บ้างแล้ว ต่อมาในยุคที่สอง วงล้อสีได้ถูกพัฒนาความเร็วขึ้นเป็น 2x ซึ่งจะเท่ากับ 120 Hz คือวงล้อสีจะหมุน 7200 รอบต่อนาที การเพิ่มความเร็วขึ้นเป็นสองเท่านี้ทำให้คนส่วนใหญ่เห็นความผิดปรกติของภาพน้อยลง

ปัจจุบันนี้ home theater DLP โปรเจคเตอร์ถูกผลิตขึ้นโดยมีวงล้อสีที่มีถึงหกสี (six-segment) ซึ่งมีสีแดง เขียว น้ำเงิน สองชุด วงล้อสีนี้หมุน 120 Hz ซึ่งเท่ากับ 7200 รอบต่อนาที และเนื่องจากสีที่เพิ่มเป็นสองชุดในหนึ่งรอบนี้เองจึงถูกเรียกว่ามีความเร็วเท่ากับ 4x ทั้งๆ ที่ความเร็วรอบยังเท่าเดิม เหตุผลใหญ่ที่ต้องใช้วงล้อที่มีหกสีและความเร็วรอบที่ 4x ก็เพื่อแก้ปัญหา “rainbow effect” นั่นเอง
LCD โปรเจคเตอร์แสดงภาพที่ซีดและจางลงเรื่อยๆ เมื่อใช้งานไปสักระยะเวลาหนึ่งโดยเฉพาะกับแผ่น LCD สีน้ำเงิน ซึ่งก็มีผลในการจัด balance ของสีทำให้ภาพมีสีผิดเพี้ยนไปและค่า contrast ก็ตกลงด้วย แต่ก็ไม่ต้องตกใจกลัวจนไม่กล้าใช้ LCD เนื่องจากการจะเกิดกรณีเช่นนี้ได้คงต้องใช้เวลานานพอสมควรซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีๆ ทีเดียว

ทั้ง DLP และ LCD ต่างก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอเพื่อความพึงพอใจของผู้บริโภค ผู้ผลิตโปรเจคเตอร์ต่างก็ได้ทำการแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองให้ดีขึ้นและปรับสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ดีสำหรับสถานที่ที่ใหญ่มากต้องการโปรเจคเตอร์ที่มีความสว่างมาก LCD โปรเจคเตอร์ยังเป็นผู้นำในด้านนี้อยู่ ในการใช้งานกับ home theater DLP โปรเจคเตอร์ยังนำหน้าอยู่เสมอในเรื่องสี contrast และคุณภาพของภาพซึ่งทำให้ผู้ที่ใช้ระบบ home theater ชื่นชอบอยู่เสมอ แต่ทุกวันนี้ช่องว่างระหว่างการเป็นผู้นำและผู้ตามของทั้งสองเทคโนโลยีนั้นลดน้อยลงทุกที ทั้ง DLP และ LCD ต่างก็มีความสามารถให้ภาพที่มีคุณภาพระดับสูงสำหรับ home theater ได้อย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว
DLP หรือ LCD เทคโนโลยีแบบใดจะดีกว่ากันนั้นคงจะต้องขึ้นอยู่กับบุคคลแต่ละคนซึ่งจะเป็นผู้เลือกว่าเทคโนโลยีแบบใดจะดีที่สุดสำหรับบุคคลนั้น

สรุปแบบย่อๆว่า


ข้อดีและข้อเสียของโปรเจคเตอร์แบบ  LCD
ข้อดีของระบบ  LCD

       1.  ถ่ายทอดสีสันอิ่มตัวและสดใส
       2.  มีความคมชัดสูง
ข้อเสียของระบบ  LCD
       1.  มีค่า Contrast Ratios ต่ำ
       2.  ไม่สามารถถ่ายทอดความลึกของเฉดสีดำได้
       3.  มีปัญหาในการแสดงสีของก้อนเมฆควัน (จะเป็นปื้นบ้างไม่สวยงาม) 

                                     ข้อดีและข้อเสียของโปรเจคเตอร์แบบ  DLP
ข้อดีของระบบ  DLP
     1.  ให้สีสันที่น่าตื่นตะลึง ระดับการไล่เฉดสีดีมาก
     2.  ภาพจะดูนุ่มนวลและเนียน
     3.  ให้ Contrast Ratio ที่สูง
     4.  อายุการใช้งานหลอดภาพสูง
ข้อเสียของระบบ  DLP
     1.  อาจมีปัญหาประกายรุ้งในบางรุ่น
ความแตกต่างของโปรเจคเตอร์ ทั้ง 2 แบบ
          ที่เห็นชัด ๆ  ก็คือ เม็ดสกรีน หรือรอยต่อของจุดภาพ Pixel  DLP  จะชิดกว่าของ LCD เนื่องจากกระบวนการทางเทคโนโลยี ดังนั้นเมื่อนำมาสร้างเป็นภาพ  จึงทำให้โปรเจคเตอร์แบบ DLP ภาพเนียนกว่าแบบ LCD

แหล่งข้อมูล : 












สเป็คขาแขวนโปรเจคเตอร์ใช้งานง่ายติดตั้งได้กับโปรเจคเตอร์ทุกยี่ห้อ ราคาไม่แพงติดตั้งง่ายๆด้วยตัวเอง

สเป็คขาแขวนโปรเจคเตอร์ใช้งานง่ายติดตั้งได้กับโปรเจคเตอร์ทุกยี่ห้อ ราคาไม่แพงติดตั้งง่ายๆด้วยตัวเอง
สินค้าขาแขวน
ยี่ห้อนิวซีโน่(Newzeno)
รุ่นPCM-1
รับน้ำหนักได้สูงสุด6 กิโลกรัม
ขาปรับระดับสูงต่ำได้ตั้งแต่ 43-65 ซม
ปรับองศาแนวตั้งและแนวนอน
วัสดุโลหะแข็งแรงเคลือบสารป้องกันสนิม
 ใช้งานง่ายสามารถประกอบติดตั้งด้วยตนเอง
ใช้ได้กับโปรเจคเตอร์ทุกยี่ห้อ

ขาแขวนโปรเจคเตอร์
ราคา:790.00 บาท
จำนวนคงเหลือ:หมดสต็อค
โมเดล / รุ่น:PCM-1
ผู้ผลิต:Newzeno


แหล่งข้อมูล


แนะนำให้รู้จัก Projector จอโปรเจคเตอร์เป่าลมใช้ในงาน out doorใช้ในงานโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ต่างๆ

จอโปรเจคเตอร์เป่าลมใช้ในงาน out door

จอโปรเจคเตอร์เป่าลมใช้ในงาน out door สามารถ ฉายหน้าและ ฉายหลัง ใช้ได้ง่ายต่องาน งานอีเว้นท์ เพื่อประชาสัมพันธ์ทางด้านต่างๆให้ดูน่าสนใจ ราคาอยู่ประมาณ 
**จอเป่าลม( Inflatable screen ) : จอขนาด 9 X 5 เมตร
- ราคาขาย 99,000 บาท
หรือราคาเช่า 7,000 บาท/วัน
และ
** จอเป่าลม( Inflatable screen ) : จอขนาด 7 X 4 เมตร 
- ราคาขาย 69,000 บาท
- หรือราคาเช่า 5,000 บาท/วัน



จอโปรเจคเตอร์เป่าลมใช้ในงาน out door


จอโปรเจคเตอร์เป่าลมใช้ในงาน out door


จอโปรเจคเตอร์เป่าลมใช้ในงาน out door

แหล่งข้อมูลจาก

http://www.projector7.com/view_news.php?id_view=457

http://www.projectorok.com/

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แนะนำสินค้าใหม่จาก LG projector ระบบ LCD รุ่น PA60G ราคา19,900.00 บาท เครื่่องเล็กจิ๋ว น่าใช้


ราคา:19,900.00 บาท
จำนวนคงเหลือ:มีสินค้า
โมเดล / รุ่น:PA60G 
ผู้ผลิต:LG






สินค้าโปรเจคเตอร์ (projector)
ยี่ห้อแอลจี (LG)
รุ่นPA60G
เทคโนโลยีLCD
ความละเอียดWXGA 1280x800พิกเซลล์
ความสว่าง500 ANSI Lumens
ความคมชัด10000:1
อัตราการซูม-
ขนานและระยะฉาย40" - 300"
กำลังไฟ90W
ขนาด กว้างxยาว xสูง158 x 33 x 103 mm
น้ำหนัก0.5 กิโลกรัม



ติดต่อเราบริษัท ไอออน ซิสเต็มส์ จำกัด
 1/4 ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า แขวงบางยี่ขัน
เขตบางพลัด กทม. 10700
โทร 02-497-0500
แฟ็กซ์ 02-497-0501
www.projector7.com
e-mail : info@projector7.com

แหล่งที่มาของข้อมูล

http://www.projectorok.com/index.php?route=product/product&path=61_63&product_id=152

http://www.projector7.com/

http://projectorlg.com/

แนะนำสินค้าใหม่จาก Hitachi projector ขายแพ็คคู่ สุดประหยัด ระบบ LCD รุ่น CP-RX94 + STARBOARD รุ่น FX GII77 ราคา 89,900.00 บาท




ราคา:89,900.00 บาท
จำนวนคงเหลือ:มีสินค้า
โมเดล / รุ่น:FX GII77 + CP-RX94
ผู้ผลิต:Hitachi
คะแนนเฉลี่ย:ไม่มีคะแนน

สินค้าโปรเจคเตอร์ (projector)
ยี่ห้อฮิตาชิ (Hitachi)
รุ่นCP-RX94
ความสว่าง2600 ANSI Lumens
ความละเอียดXGA 1024x768 พิกเซลล์
น้ำหนัก2.3 กิโลกรัม
รับประกันตัวเครื่อง 2ปี หลอดภาพ 1ปี หรือ 1000ชั่วโมง
อ่านรายละเอียดเพิ่มสำหรับ โปรเจคเตอร์ CP-RX94

สินค้ากระดาษอัจฉริยะ(Interactive board)
ยี่ห้อฮิตาชิ (Hitachi)
รุ่นFX-77GII
ขนาดหน้าจอ62’’ (W) x 46’’ (H)
ความละเอียดประมาณ 195.4lpi
น้ำหนัก25 กิโลกรัม
อ่านรายละเอียดเพิ่มสำหรับ Interactive Starboard hitachi FX-77GII


ติดต่อเราบริษัท ไอออน ซิสเต็มส์ จำกัด
 1/4 ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า แขวงบางยี่ขัน
เขตบางพลัด กทม. 10700
โทร 02-497-0500
แฟ็กซ์ 02-497-0501
www.projector7.com
e-mail : info@projector7.com



http://www.projectorok.com/index.php?route=product/product&path=61_63&product_id=152

http://www.projector7.com/

http://projectorlg.com/